Winnie The Pooh Bear Inclusive Education Experiences Management for Early Childnood: บันทึกอนุทิน วัน/เดือน/ปี 17 กุมภาพันธ์ 2558 ครั้งที่ 6
ขับเคลื่อนโดย Blogger.
RSS

บันทึกอนุทิน วัน/เดือน/ปี 17 กุมภาพันธ์ 2558 ครั้งที่ 6



 บันทึกอนุทิน  


             
               วิชา การจัดประสบการณ์การศึกษาแบบเรียนรวมสำหรับเด็กปฐมวัย                   
                    
              
           อาจารย์ผู้สอน อาจารย์ ตฤณ  แจ่มถิ่น               

           
       วัน/เดือน/ปี  17    กุมภาพันธ์      2558   ครั้งที่  6 
    

เข้าสอน    14:10   -   17:30     น.

การสอนเด็กปกติและเด็กพิเศษ



การเข้าใจภาวะปกติ
  • เด็กมักคล้ายคลึงกันมากกว่าแตกต่าง
  • ครูต้องเรียนรู้,  มีปฎิสัมพันธ์กันเด็กพิเศษและเด็กปกติ
  • รู้จักนิสัยและลักษณะของเด็กแต่ละคน
  • มองเด็กให้เป็นเด็ก

การขัดแยกเด็กที่มีพัฒนาการช้า

  • การเข้าใจพัฒนาการของเด็ก     จะช่วยให้ครูสามารถมองเห็นความแตกต่างของเด็กแต่ละคนได้ง่าย
ความพร้อมของเด็ก


  • วุฒิภาวะ
  • แรงจูงใจ
  • โอกาส

     การเตรียมความพร้อมเด็กหมายถึง การที่เด็กมี พัฒนาการทางด้านต่าง ๆ ทั้งทางร่างกาย อารมจิตใจ 
สังคม และสติปัญญา เพียงพอที่จะรับรู้สิ่งต่าง ๆได้โดย ไม่มีสิ่งใดเป็นอุปสรรค ก่อให้เกิดความพึงพอใจในการ กระทำนั้น ๆ ยังให้บังเกิดผลตัวเองที่ดีต่อตัวเองและการ เรียนรู้ ความพร้อมของเด็กในการเรียน

ความสัมพันธ์ อย่างยิ่งกับพัฒนาการของเด็ก
              
  การเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย

     เด็กปฐมวัยเรียนรู้จากประสบการณ์ตรง โดยการปฏิบัติจริงผ่านประสาทสัมผัสทั้งห้าจะส่งผลต่อพัฒนาการอย่างรอบด้าน  ทั้งด้านพัฒนาการการเรียนรู้ที่จะทำงานด้วยตนเอง  สังคม อารมณ์  จิตใจ สติปัญญา และร่างกาย 



การสอนโดยบังเอิญ

  • ให้เด็กเป็นฝ่ายเริ่มก่อน
  • เมื่อเด็กเข้าหาครูมากเท่าไหร่  ยิ่งมีโอกาสในการสอนมากขึ้นเท่านั้น
  • ครูต้องพร้อมที่จะพบเด็ก
  • ครูต้องมีความสนใจเด็ก
  • ครูต้องมีความรู้สึกดีต่อเด็ก
อุปกรณ์

  • มีลักษณะง่ายๆ
  • ใชประโยชน์ได้หลายอย่าง
  • เด็กพิเศษได้เรียนรู้จากการสังเกตและเลียนแบบเด็กปกติ
  • เด็กปกติได้เรียนรู้ที่จะช่วยเหลือเด็กพิเศษ

ตารางประจำวัน

เด็กพิเศษไม่สามารถยอมรับการเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ทำอยู่เป็นประจำ

กิจกรรมต้องเรียงลำดับเป็นขั้นตอนและทำนายได้

เด็กจะรู้สึกปลอดภัยและมั่นใจ

การสลับกิจกรรมที่อยู่เงียบๆกับกิจกรรมที่เคลื่อนไหวมากๆ

คำนึงถึงความพอเหมาะของเวลา



ทัศนคติของครู


ความยืดหยุน

การแก้แผนการสอนให้เหมาะสมกับสถานการณ์

ยอมรับขอบเขตความสามารถของเด็ก

ครูต้องตอบสนองต่อเป้าหมายที่สำคัญที่สุดสำหรับเด็กแต่ละคน

การใช้สหวิทยา

ใจกว้างต่อคำแนะนำของบุคคลในอาชีพอื่นๆ

สร้างความสัมพันธ์ระหว่างการบำบัดกับกิจกรรมในห้องเรียน


การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการเรียนรู้

เด็กทุกคนสอนได้

เด็กเรียนไม่ได้เพราะไร้ความสามารถ

เด็กเรียนไม่ได้เพราะขาดโอกาส

เทคนิคการให้แรงเสริม

การให้การเสริมแรง(Reinforcement) เป็นสิ่งสำคัญในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ และถือได้ว่าเป็นการให้กำลังใจแก่ผู้เรียนแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ การเสริมแรงทางบวก(Positive Reinforcement) และการเสริมแรงทางลบ(Negative Reinforcement) 


แรงเสริมทางสังคมจากผู้ใหญ่

ความสนใจของผู้ใหญ่ที่มีต่อเด็กนั้นสำคัญมาก

มีแนวโน้มจะเพิ่มพฤติกรรมที่ดีของเด็ก และมักเป็นผลในทันที

หากผู้ใหญ่ไม่สนใจพฤติกรรมที่ดีนั้นๆก็จะลดลงและหายไป


หลักการให้แรงเริมในเด็กปฐมวัย

ครูต้องให้แรงเสริมทันทีที่เด็กมีพฤติกรรมอันพึงประสงค์

ครูต้องละเว้นความสนใจทันทีและทุกครั้งที่เด็กแสดงพฤติกรรมที่ไม่พึ่งประสงค์

ครูควรให้ความสนใจเด็กนานเท่าที่เด็กมีพฤติกรรมที่พึ่งประสงค์


ขั้นตอนการให้แรงเสริม

สังเกตและกำหนดจุดมุ่งหมาย
วิเคราะห์งาน กำหนดจุดประสงค์ย่อยๆในงานแต่ละขั้น
สอนจากง่ายไปยาก
ให้แรงเสริมทันทีเมื่อเด็กทำได้ หรือเมื่อเด็กพยายามอย่างเหมาะสม
ลดการบอกบท เมื่อเด็กเรียนรู้ที่จะก้าวไปขั้นต่อไป
ให้แรงเสริมเฉพาะพฤติกรรมที่ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่สุด
ทีละขั้น ไม่เร่งรัด “ยิ่งขั้นเล็กเท่าไหร่ ยิ่งดีเท่านั้น”
ไม่ดุหรือตี

การกำหนดเวลา
จำนวนและความถี่ของแรงเสริมที่ให้กับพฤติกรรมการเรียนรู้ของเด็กต้องมีความเหมาะสม



  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น